ค่าเฉลี่ย มัธยฐาน และฐานนิยม คือค่ากลางที่มักใช้ในทางสถิติ รวมถึงการคิดคำนวณทางคณิตศาสตร์ในชีวิตประจำวัน บทความนี้จะทำให้คุณรู้ว่า ค่ากลางแต่ละแบบแตกต่างกันตรงไหน และคำนวณหาได้อย่างไร ซึ่งมันไม่ยากอย่างที่คิดเลย 1 หาผลรวมของเลขทุกตัวในชุดข้อมูล. สมมติว่าชุดข้อมูลประกอบด้วย 2, 3, 4 เมื่อนำมาบวกกันก็จะได้ 2 + 3 + 4 = 9 2 นับจำนวนของตัวเลขในชุดข้อมูล. จากขั้นตอนที่แล้ว เราพบว่าชุดข้อมูลนี้ประกอบด้วยเลขทั้งหมด 3 ตัว 3 นำผลรวมมาหารด้วยจำนวนของตัวเลข. จากขั้นตอนที่แล้ว เมื่อเราได้ผลรวมเท่ากับ 9 และพบว่าจำนวนของตัวเลขในชุดข้อมูลมีทั้งหมด 3 ตัว ก็นำ 9 มาหารด้วย 3 ซึ่งมีค่าเท่ากับ 9 ÷ 3 = 3 ดังนั้นค่านิยมของชุดข้อมูลนี้ก็คือ 3 ทั้งนี้ก็ต้องจำไว้ว่า ค่าเฉลี่ยอาจจะไม่ได้อยู่ในรูปของจำนวนเต็มเสมอไป บางกรณีอาจหารไม่ลงตัว หรืออยู่ในรูปทศนิยมก็ได้ 1 เรียงลำดับตัวเลขในชุดข้อมูลจากน้อยไปหามาก. สมมติให้ชุดข้อมูลประกอบด้วย 4, 2, 8, 1, 15 เมื่อนำมาเรียงลำดับจากน้อยไปมากก็จะได้ 1, 2, 4, 8, 15 2 หาตัวเลขที่อยู่ตรงกึ่งกลางของชุดข้อมูล.
21 จงหาผลหารของ 5A0 16 ÷ 48 16 5A0 16 = (0 x 16 0) + (10 x 16 1) + (5 x 16 2) = 0 + 160 + 1, 280 1, 440 48 16 = (8 x 16 0) + (4 x 16 1) 8 + 64 72 1, 440 ÷ 72 = 20 2. แปลงคำตอบคือ 20 ให้เป็นเลขฐานสิบหก ตามโจทย์ต้องการ ดังนี้ 20 ÷ 16 = 1 เศษ 4 1 ÷ 16 = 0 เศษ 1 5A0 16 ÷ 48 16 = 14 16 ตัวอย่างนี้เป็นการหารเลขฐานสิบหก หลักการเหมือนการหารเลขฐานสอง เลขฐานแปด ดังนี้ แปลงผลหารที่เป็นเลขฐานสิบให้เป็นเลขฐานสองโดยวิธีการหารโดยใช้ 16 0 เขียนเรียงไปจนถึงเศษของหารหารครั้งแรกหรือเรียงจากล่างขึ้นบน ย้อนกลับ ถัดไป
การหารเลขฐานสอง เลขฐานแปด เลขฐานสิบหก ตัวอย่างที่ 1 การหารเลขฐาน 2 (100001) 2 / (1101) 2 = (…….. ) 2 วิธีทำ 1101)1000001 (101 01101 001101 1101 0000 ตอบ (101) 2 ตัวอย่างที่ 2 การหารเลขฐาน 8 (2134) 8 /(427) 8 = (…….. ) 8 วิธีทำ 427)24123 (45 2134 2563 2563 ตอบ (45) 8 ตัวอย่างที่ 3 การเลขเลขฐาน 16 (B78D) 16 / (2A9) 16 = (…….. ) 16 วิธีทำ 2A9) B78D (45 AA4 D4D D4D ตอบ (45) 16 อธิบาย 1. ได้ผลลัพธ์ 4 x ตัวหาร 2A9 = AA4 - 4 x 9 = 36 = (24) 16 ใส่ 4 ทด 2 - 4 x A = 40 + 2 = 42 = (2A) 16 ใส่ A ทด 2 - 4 x 2 = 8 + 2 = 10 = (A) 16 ใส่ A 2. B78 - AA4 = D4D 3. ได้ผลลัพธ์ 5 x ตัวหาร 2A9 = D4D
ใช้วิธีแปลงตัวตั้งและตัวหารให้เป็นเลขฐานสิบก่อน แล้วจึงทำการหาร วิธีเป็นวิธีที่ง่ายในการทำความเข้าใจ เพราะเป็นวิธีที่ได้ศึกษามาแล้วในหน่วยที่ 3 จะใช้ได้ทุกเลขฐาน ถ้าตัวหารเป็น 2 หลักก็สามารถทำได้อย่างง่าย และได้คำตอบที่ถูกต้อง ซึ่งมีรายละเอียดดังต่อไปนี้ หลักการหารเลขฐานสอง เลขฐานแปด และเลขฐานสิบหก มีวิธีการดังนี้ 1. แปลงตัวตั้งและตัวหารที่โจทย์กำหนดให้เป็นเลขฐานสิบก่อน โดยใช้วิธีการแปลงเลขฐานสองเลขฐานแปด และเลขฐานสิบหกให้เป็นเลขฐานสิบ แล้วจึงนำค่าที่ได้มาหารกันจะได้คำตอบของการหารเป็นเลขฐานสิบ 2. แปลงคำตอบที่เป็นเลขฐานสิบให้เป็นเลขฐานตามโจทย์ต้องการ โดยใช้หลักการแปลงเลขฐานสิบให้เป็นเลข ฐานสอง เลขฐานแปดและเลขฐานสิบหก ก็จะได้คำตอบของการหารเลขฐานต่างๆ จะนำหลักการดังกล่าวข้างต้น มาใช้ในการหารเลขฐานสอง เลขฐานแปด และเลขฐานสิบหก ขอให้ศึกษาใน ตัวอย่างต่อไปนี้ ตัวอย่างที่ 2. 19 จงหาผลหารของ 1010 2 ÷ 10 2 วิธีทำ 1. แปลงตัวตั้งและตัวหารเป็นเลขฐานสิบก่อนแล้วจึงหารกัน ดังนี้ 1010 2 = (0 x 2 0) + (1 x 2 1) + (0 x 2 2) + (1 x 2 3) = 0 + 2 + 0 8 = 10 10 2 = (0 x 2 0) + (1 x 2 1) 0 + 2 2 10 ÷ 2 = 5 2.
สมมติให้ชุดข้อมูลประกอบด้วย 2, 4, 5, 5, 4, 5 ก็ให้เขียนชุดข้อมูลนี้ลงบนกระดาษ ซึ่งควรเรียงลำดับจากน้อยไปมากด้วย เพื่อให้ง่ายต่อการหาฐานนิยม 2 หาตัวเลขที่มีจำนวนมากที่สุด. ท่องไว้ว่า "นิยม คือ มาก" หรือ "Mode is most" จากขั้นตอนที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่าเลข 5 มีจำนวนมากที่สุด แสดงว่าฐานนิยมของชุดข้อมูลนี้คือ 5 อย่างไรก็ตามก็มีบางกรณีที่ฐานนิยมมีมากกว่าหนึ่งตัว โดยถ้ามี 2 ตัวก็จะเรียกว่า "ทวิฐานนิยม" (bimodal) ถ้ามีมากกว่าสองตัวก็จะเรียกว่า "พหุฐานนิยม" (multi-modal) เคล็ดลับ การเรียงลำดับตัวเลขในชุดข้อมูลจากน้อยไปมากช่วยให้การหามัธยฐานกับฐานนิยมนั้นง่ายขึ้น เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้ มีการเข้าถึงหน้านี้ 393, 718 ครั้ง บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม
ถูกยืมไปเหลือ 9 – 0 = (9) 16 ใส่ 9