เช่นเดียวกับที่เพลง 'อย่า อยู่ อย่าง อยาก' ของ P2Warship ร้องไว้ว่า "... หากอยากเห็นพื้นแผ่นดินสดใส แต่ไม่ยอมลอยเรือข้ามไป ปล่อยเรือไว้อย่างนั้น แล้วอีกเมื่อไรจะถึงฝั่งฝัน... ". ฉันรู้สึกเห็นด้วย กับคำกล่าวที่ว่า "เมื่อเวลาล่วงเลยไป คนเราจะรู้สึกเสียใจในสิ่งที่ไม่ได้ทำ มากกว่าสิ่งที่ทำไม่สำเร็จ" ในช่วงชีวิตหนึ่ง ฉันเคยมีไอเดียที่อยากทำมากมาย ฉันบอกเล่าไอเดียเหล่านั้นให้ใครต่อใครฟัง ฉันพร่ำพูดว่าฉันอยากทำ แต่ฉันไม่แม้แต่จะเริ่มมัน ปล่อยเวลาผ่านไป จนวันหนึ่งไอเดียเหล่านั้นก็มีคนที่คิดได้เช่นเดียวกันและสามารถทำมันออกมาได้จริง ถึงแม้ว่าจะตื่นเต้นที่ได้เห็นไอเดียเหล่านั้นออกมาเป็นจริง แต่ในใจลึกๆกลับเป็นความรู้สึกเสียใจที่ไม่ยอมลุยเสียตั้งแต่ตอนนั้น มันจึงเป็นจุดหนึ่งที่ทำให้ฉันเริ่มเปลี่ยนแปลงตัวเอง. ฉันอนุญาตให้ตัวเองพูดคำว่าอยากได้เพียงเรื่องละหนึ่งครั้ง แล้วต้องไปทำ ไม่ว่าจะเป็น อยากทำ อยากกิน หรืออยากไป อยากอะไรก็ตาม (ยกเว้น อยากตาย) ให้การพูดออกมาเป็นการแสดงเจตจำนง เป็นคำพูดที่จะทำให้ฉันไม่ผิดคำพูด (เพราะโดยส่วนตัว จะรู้สึกแย่มากกับการผิดคำพูด). ส่งผลรวมไปถึงคำหลายๆคำที่จะพยายามไม่พูด เพราะคิดว่าเป็นคำที่ฉุดรั้งตัวเอง เช่นคำว่า "ไม่รู้" (โดยส่วนตัว ชอบบอกว่า ขอหาคำตอบก่อน) "ที่จริงแล้ว, จริงจริงแล้ว" (แปลว่าก่อนหน้านั้นไม่ใช่ความจริง) "ถ้าตอนนั้น ทำแบบนั้น" (ดูเป็นการคร่ำครวญอยู่ในอดีต จะพูดว่า ครั้งหน้าจะทำแบบนี้ แทน).
ผัดไทย สูตรลับลิขิตฝัน ดูย้อนหลังได้ที่แอปพลิเคชัน VIPA และ
เซียวชูอวิ๋นที่ใครๆ พูดถึงกันอย่างนั้นรึ? "อ้อ เขาเป็นคนดีมาก" ลวี่ฮูหยินชื่นชมเซียวชูอวิ๋นมาก "ตอนนั้นท่านอ๋องต้องลงทุนลงแรงไปไม่น้อยกว่าจะเชิญเขามาช่วยเหลือได้ ข้าเองก็เคยติดตามท่านอ๋องไปขอร้องมารอบหนึ่งกว่าจะเกลี้ยกล่อมเขาได้สำเร็จ" "เอ่อ? " กู้จิ้งไม่ค่อยเข้าใจสักเท่าไหร่ "ข้ากับเขาเคยเป็นเพื่อนสนิทกัน" พูดถึงอดีต ลวี่ฮูหยินก็ต้องถอนใจออกมา "จริงๆ แล้วเมื่อก่อนข้าเคยเป็นองครักษ์หญิงข้างกายเว่ยอ๋อง เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของเซียวชูอวิ๋น" กู้จิ้งได้ยินเช่นนี้ก็ประหลาดใจมาก ใจคิดว่าผู้หญิงที่ทั้งงดงามทั้งบอบบางอย่างลวี่ฮูหยินเคยเป็นองครักษ์หญิงอย่างนั้นรึ?
ลากยาวตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์จนถึงเดือนมีนาคม เป็นอีกช่วง high season ของการจัดงานแต่งงาน ในช่วงนี้เราคงได้เห็นภาพงานแต่งโผล่ในไทม์ไลน์แบบไม่เคยได้พัก จนนับไม่ถูกว่าวันหนึ่งเราเห็นคู่แต่งงานผ่านตาไปกี่คู่ คนดูจากทางบ้านอย่างเราก็ได้แต่ยินดีกับการไปถึงหมุดหมายของความรักอย่างการแต่งงานนี้ด้วย แต่ทว่า หากมีความรักต่อกัน แต่ไม่ได้แต่งงานกันนั่นหมายความว่าความรักนั้นไปไม่ถึงจุดหมายหรือเปล่า?
ถ้าหากอยากทำตามฝัน แต่มีข้ออ้าง ข้อมูล หรือคำสบประมาทต่างๆ ที่มาขัดขวาง มาห้ามไว้ ก็คงต้องเลือกเอาว่าจะให้ชีวิตเป็นแบบไหนระหว่าง "อย่าอยู่อย่างอยาก" หรือ "อยากอยู่อย่างอย่า". ปล. เรื่องนี้ก็ถูกเขียนขึ้นจากความอยากเขียนของฉัน เช่นกัน ครีเอทีฟผู้คุ้นเคยการคิดเขียนคำโฆษณาสั้นๆ เริ่มหันเหเข้าสู่การเขียนบทความขนาดยาว บอกเล่าเรื่องราวถึงความคิดที่ค้างคา จากการสังเกตและตั้งคำถามกับสิ่งรอบตัว ชื่นชอบตัวอักษร และสนุกกับการเล่นคำ เรื่องที่เกี่ยวข้อง สุเทพ ศรีสมุทร์ ความหลากหลายของชาติพันธุ์ เป็นสิ่งที่อัศจรรย์ที่เกิดขึ้นกับโลกเรา หากไม่มีความหลากหลายเหล่านี้ สีสันของชีวิตก็จะไม่เกิดขึ้น เอรี่ - ธนัดดา สว่างเดือน ก่อนที่เข้าห้องขัง เจ้าหน้าที่สั่งให้แก้ผ้าเปลือยกายออกให้หมดทุกชิ้น แล้วให้ทำท่าสก๊อตจั๊มพ์ ขึ้นๆ ลงๆ ติดกันหลายรอบ
อู่อ๋องซึ่งนั่งอยู่ด้านข้างเห็นเซียวเถี่ยเฟิงอยู่ดีๆ ก็เปลี่ยนสีหน้า จึงรีบถามว่า "เป็นอะไรไปหรือ? " เซียวเถี่ยเฟิงสูดหายใจลึกอย่างยากลำบาก เสียงที่พูดสั่นเครือ "ไม่มีอะไร บางทีอาจเป็นเพราะแผลเก่ากำเริบก็เลยเจ็บอกขึ้นมา" อู่อ๋องส่ายหน้าพลางถอนใจ "ข้าบอกให้ท่านกลับมาตั้งนานแล้ว แต่ท่านไม่ยอมฟัง ข้ารู้จักหมอเทวดาคนหนึ่ง ยังคิดจะให้นางตรวจอาการของท่านดู" เซียวเถี่ยเฟิงขมวดคิ้ว "หมอเทวดา หมอเทวดาที่ไหนกัน? " สีหน้าอู่อ๋องเต็มไปด้วยความเสียดาย "ท่านตามหาหมอเทวดาอยู่ไม่ใช่หรือ? ถึงหมอเทวดาที่ท่านตามหาแซ่กู้ ทว่าคนนี้แซ่เฉิน แต่อย่างน้อยก็เป็นหมอเทวดา แถมเป็นหมอเทวดาผู้หญิงเหมือนกันด้วย" "หมอเทวดาผู้หญิง? นางทำอะไรหรือ? " อู่อ๋องรีบเล่า "ครั้งนี้ลวี่หลัวไม่สบาย ข้าได้ยินมาว่าตระกูลลั่วแห่งเหอหนานมียาวิเศษขนานหนึ่งก็เลยสั่งให้คนไปเอามา คิดไม่ถึงว่าหลังจากลวี่หลัวกินยาเทวดานั่น อาการป่วยกลับทรุดหนักยิ่งกว่าเดิม โชคดีที่ได้หมอเทวดาหญิงคนนี้! เห็นนางอายุยังน้อย ไม่คิดเลยว่าจะเก่งกาจถึงเพียงนี้? " หัวใจของเซียวเถี่ยเฟิงกระตุกวูบ เขารีบเอ่ยถามว่า "นางแซ่เฉินหรือ? " "ใช่ แซ่เฉิน! " "นางหน้าตาเป็นอย่างไร?
คราวนี้ก็ไม่ยาก เป็นโรคทางที่เธอถนัด เธอรีบสั่งยาแล้วรักษา ไม่ถึงครึ่งเดือน ลวี่ฮูหยินก็หายเป็นปกติ ลวี่ฮูหยินซาบซึ้งใจมาก นางเข้ากับกู้จิ้งได้ดีจนสนิทสนมกันเหมือนพี่น้องแท้ๆ ดังนั้นจึงแบ่งเครื่องประดับและตัดเสื้อผ้าใหม่ให้เธอไม่น้อย "ในที่สุดข้าก็จะได้เป็นพระชายาของเขาแล้ว…" ลวี่ฮูหยินทอดถอนใจกับเงาของตัวเองในกระจก "ยินดีด้วย" กู้จิ้งพอจะรู้กฎเกณฑ์ในสมัยโบราณอยู่บ้าง การที่อนุอย่างลวี่ฮูหยินกลายมาเป็นพระชายาอู่อ๋องได้ เรียกได้ว่าเป็นความก้าวหน้าขั้นก้าวกระโดดเลยทีเดียว "เจ้าไม่อยู่ร่วมงานแต่งงานของข้าก่อนหรือ? "
พล็อตเรื่องบอกตามตรงว่าแอบทำให้นึกถึงเรื่องดังเรื่องหนึ่งแต่มันก็มีแค่กลิ่นอายเล็กๆนะ เนื้อหาในเรื่องคือต่างกันเลย นางเอกโดนเฆี่ยนจนตายแต่ก็เหมือนไม่ตาย พอฟื้นมาก็จำได้บ้างไม่ได้บ้าง ทีนี้นางก็ต้องอยู่กับความผิดที่ว่าตัวเองฆ่าผู้หญิงที่พระเอกชอบหรือเปล่า มันจะมีความตัดพ้อน้อยๆระหว่างผัวเมีย ทั้งไม่เคยได้รับความรัก ทั้งผัวยังชังหน้า คุณพระ ไม่คิดไม่ฝันว่าฉันจะมาอ่านย้อนยุคไทย ปกติเดินสายจีนตลอด ไม่ยอมเปิดใจนิยายไทยอ่านสักที แต่เรื่องนี้คือ เกินนเรื่องมาก มันดี ดีแบบมาก ชอบมาก แบบอ่านจบละเอามือทาบอก!
ปิยะภัทร์ ศักดาประยูร สมัยเด็กเราเรียนคำศัพท์เพื่อจะนำไปใช้ในชีวิต พอโตขึ้นคำศัพท์เหล่านั้นกลับมาสอนเราให้ใช้ชีวิต. 'อย่า อยู่ อย่าง อยาก' เป็น 4 คำเฉพาะที่ใช้ อ. อ่าง เป็นอักษรนำ พอคิดดูให้ดีแล้ว วิชาภาษาไทยที่สอนเรามาตั้งแต่เด็ก ก็ยังสามารถวนกลับมาสอนเราได้อีกครั้งในตอนที่โตขึ้น ไม่รู้ว่าเป็นความบังเอิญหรือตั้งใจของบรรพชน ที่กำหนดให้คำ 4 คำต้องใช้อักษรนำเป็น อ. อ่าง และเมื่อคำทั้ง 4 เรียงต่อกัน เป็นคำว่า 'อย่า อยู่ อย่าง อยาก' ก็เหมือนเป็นคำสอนที่แฝงให้เราได้จดจำติดสมองไว้. 'อย่า อยู่ อย่าง อยาก' ที่สามารถตีความได้แบบหนึ่งว่า 'อย่าอยู่อย่างอดอยาก' คำคำนี้ฉันคิดว่าเป็นการสอนให้เรารู้จักขยัน อดทน ต้องสู้ชีวิตเพื่อที่จะไม่ต้องอยู่อย่างอดอยาก อย่างที่ผู้ใหญ่ในสมัยก่อน มักตักเตือนสอนสั่งลูกหลานในเรื่องนี้อยู่เสมอ. หรืออาจตีความไปในทางศาสนาพุทธ ที่สอนให้ละซึ่งความอยากอันเป็นกิเลสทั้งปวง ก็เป็นได้. แต่ 'อย่า อยู่ อย่าง อยาก' ที่ตีความได้อีกแบบหนึ่ง และเป็นสิ่งที่ ฉันมักใช้เตือนตัวเองอยู่เสมอคือ 'อย่าหยุดอยู่แค่คำว่าอยาก' เป็นคำที่ผลักดันให้ฉันมีพลังที่จะก้าวออกไป เริ่มทำในสิ่งที่คิดว่าอยากถ้าเสียงในใจมันร่ำร้อง ก็จงออกไปทำโดยไม่ต้องเสียเวลาลังเล.
สูงแค่ไหน? สำเนียงพูดเป็นอย่างไร? " "หน้าตางั้นหรือ ก็ไม่เลว แต่ไม่สวยเหมือนลวี่หลัวของข้า รูปร่างสูง สูงกว่าลวี่หลัวประมาณนี้… ส่วนสำเนียงพูด เอ๋…สำเนียงพูดของนางคล้ายกับท่านอยู่บ้าง! " หมอเทวดาหญิง รูปร่างสูง สำเนียงพูดคล้ายกับเขา… หัวใจของเซียวเถี่ยเฟิงเต้นแรง เขาคว้าแขนของอู่อ๋องเอาไว้แน่น "ตอนนี้นางอยู่ที่ไหน?! " อู่อ๋องสะดุ้งด้วยความตกใจ เขาไม่เคยเห็นเซียวเถี่ยเฟิงเป็นแบบนี้มาก่อน "นาง…นางไปแล้ว! " "ไป? ไปที่ไหน! " "ไป…ไป…" อู่อ๋องคิดอยู่ครู่หนึ่งถึงได้กล่าวว่า "ดูเหมือนว่าจะตามขบวนรถของตระกูลลั่วไปแล้ว…" คิดไม่ถึงว่าเขาเพิ่งพูดจบ เซียวเถี่ยเฟิงก็หายตัวไปอย่างรวดเร็วราวกับกระแสลมหอบหนึ่ง "เกิด…เกิดอะไรขึ้นอย่างนั้นรึ? "