" พระองค์ที่ ๗ สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระปรมานุชิตชิโนรส [ วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม] สมเด็จพระสังฆราชพระองค์ที่ ๗ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ประสูติ สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระปรมานุชิตชิโนรส ทรงเป็นพระโอรสองค์ที่ ๒๘ ในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก (รัชกาลที่ ๑) อันเป็นปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรี พระมารดา คือ เจ้าจอมมารดาจุ้ย พระสนมโท ต่อมาได้เลื่อนเป็น "ท้าวทรงกันดาล" เป็นตำแหน่งผู้รักษาการคลังใน เป็นที่ไว้วางพระราชหฤทัย ในพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ ๓) ทรงประสูติเมื่อ วันเสาร์ เดือนอ้าย ขึ้น ๕ ค่ำ ปีจอ จุลศักราช ๑๑๕๒ ตรงกับวันที่ ๑๑ ธันวาคม พ. ศ. ๒๓๓๓ และมีพระนามเดิมว่า พระองค์เจ้าชาย วาสุกรี สำหรับพระราชบิดาของพระองค์ คือ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก นั้น ทรงมีพระนามเดิมว่า ทองด้วง ประสูติที่กรุงศรีอยุธยา เมื่อวันที่ ๒๐ มีนาคม พ. ๒๒๗๙ ในรัชกาลพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ เมื่อทรงเจริญพระชันษาได้เข้ารับราชการ ทรงเป็นกำลังสำคัญของสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีในการกู้บ้านเมือง จนได้เลื่อนยศเป็นสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก และต่อมาได้ทรงสถาปนาพระราชวงศ์ขึ้นใหม่ และตั้งราชธานีขึ้นที่กรุงเทพฯ ในปี พ.
๒๓๔๕ ในรัชกาลที่ ๑ กรมพระราชวังหลัง (เจ้าฟ้ากรมพระอนุรักษ์เทเวศร์พระเจ้าหลานเธอ ในรัชกาลที่ ๑) ได้เสด็จออกผนวชเป็นพระภิกษุ เมื่อวันขึ้น ๘ ค่ำ เดือน ๘ ได้มีเจ้านายตามเสด็จออกผนวชเป็นสามเณร เป็นหางนาคหลวง ๒ พระองค์ คือ พระองค์เจ้าชายวาสุกรีกับพระองค์เจ้าชายฉัตร (กรมหมื่นสุรินทรรักษ์) ผนวชเป็นพระภิกษุ สามเณรพระองค์เจ้าวาสุกรี ประทับจำพรรษาและศึกษาอยู่ในวัดพระเชตุพนฯ จนสิ้นรัชกาลที่ ๑ ขณะนั้นพระชนม์ได้ ๑๙ พรรษา ก็ไม่ทรงสึก เนื่องจากอายุยังไม่ครบผนวชเป็นพระภิกษ ุจึงทรงเป็นสามเณรต่อไป จนถึงรัชกาลพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย (รัชกาลที่ ๒) จึงได้ทรงผนวชเป็นพระภิกษุเมื่อปีมะแม พ.
การลำดับเรื่อง รามายณะฉบับภาษาสันสกฤตตั้งต้นแต่พิธีกวนข้าวทิพย์ ส่วนของไทยเริ่มแต่หิรัญยักษ์ม้วนแผ่นดิน จึงกล่าวกำเนิดตัวละคร พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าฯ มีพระบรมราชาธิบายไว้ใน " บ่อเกิด รามเกียรติ์ " ว่า ของเดิมมักเป็นเรื่องที่ฤาษีเล่าให้ใครๆ ฟัง แต่รามเกียรติ์ของเราจับมาแต่งเป็นบทละคร จึงต้องลำดับไว้ตอนต้น ส่วนรามายณะของเขามิได้แต่งไว้สำหรับเล่นละครเลย เขาแต่งไว้ให้สอดคล้ายมหาชาติของเรา " 2. การเรียกชื่อคน รามเกียรติ์ของไทยฉบับนี้เรียกไม่ตรงกับของเดิม ที่เรียกเหมือนกันก็มี พระราม สีดา เท่านั้น พระลักษมณ์น่าจะเขียนพระลักษณ์ พระพรตควรเป็นพระภรต พระสัตรุดควรเป็น พระสัตรุฆน์ พิเภกควรเป็นภิเภษณ์ และมีชื่ออีกมากมายไม่ตรงกับต้นฉบับเดิม 3.
ฉบับพระราชนิพนธ์ สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ซึ่งมีเพียงไม่กี่ตอน 2. ฉบับพระราชนิพนธ์ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช หรือเรียกสั้นๆว่ารามเกียรติ์รัชกาลที่ ๑ 3. ฉบับพระราชนิพนธ์ พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย หรือเรียกสั้นๆว่า รามเกียรติ์รัชกาลที่ ๒ ทรงมุ่งพระราชนิพนธ์ให้เป็นบท ละครรำ โดยแท้ 4. ฉบับพระราชนิพนธ์พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 4 ทรงพระราชนิพนธ์สำหรับเล่น โขนหรือละครโดยตรงเป็นตอน ๆ 5. ฉบับพระราชนิพนธ์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว หรือราชเกียรติ์รัชกาลที่ 5 แปลกกว่า รามเกียรติ์ฉบับก่อน ๆ ทรงพระราชนิพนธ์เป็นโคลงจารึกไว้ตามเสาพระระเบียงวัดพระศรีศาสดาราม ตรงตามภาพวาดที่อยู่ตามฝาผนังเป็นช่อง ๆ ไป รวมหลายพันบทด้วยกัน ที่มา