3. นำประธานของประโยค Active Voice ไปเป็นกรรมของประโยค Passive Voice โดยมีคำว่า by นำหน้าเช่น Active Voice: John eats bread. ** ถ้าประธานของประโยค Active Voice เป็นคำสรรพนาม (Pronouns) เมื่อเปลี่ยนไปเป็นกรรม ของประโยค Passive Voice จะต้องเปลี่ยนรูปเป็นกรรมตามไปด้วย เช่น Active Voice: He ate bread. Passive Voice: Bread was eaten by him. การเขียนประโยค Passive Voice ให้คำนึงถึง คำกริยาในประโยค Active Voice ใน 2 ลักษณะ ดังนี้ 1. ถ้าในประโยค Active Voice มีคำกริยาช่วยกับคำกริยาแท้ เมื่อเขียนเป็นประโยค Passive Voice ส่วนที่เป็นกริยาจะประกอบด้วย คำกริยาช่วย + be + คำกริยาช่องที่ 3 เช่น Active Voice: Jenny can drive a car. => Passive Voice: A car can be driven by Jenny. Active Voice: He will drink coffee. => Passive Voice: Coffee will be drunk by him. Active Voice: She has to speak English. (has to หรือ have to = จำเป็นต้อง) => Passive Voice: English has to be spoken by her. Active Voice: Mark ought to do homework this evening. (ought to = ควร/ควรจะ) => Passive Voice: Homework ought to be done by Mark this evening.
อาจจะละ by + agent noun ได้เมื่อ agent noun นั้นไม่ระบุชัดเจน ว่าเป็นใครหรืออะไร 4. ในโครงสร้าง 1 ดึงเอา Direct object มาเป็น Subject (S) ส่วนใน โครงสร้าง 2 ดึงเอา Indirect object มาเป็น Subject (S) จากประโยค Active ที่ยกมาทั้ง 5 ตัวอย่าง อย่างละ 2 โครงสร้างข้างต้น จึงสามารถนำมาเปลี่ยนเป็นประโยคแบบ Passive ได้ดังนี้ ตัวอย่าง 1. A dozen roses were sent to Mary by Peter. (โครงสร้าง 1) ดอกกุหลาบจำนวนหนึ่งโหลถูกส่งไปถึงแมรี่โดยปีเตอร์ Mary was sent a dozen roses by Peter. (โครงสร้าง 2) แมรี่ถูกส่งดอกกุหลาบจำนวนหนึ่งโหลโดยปีเตอร์ 2. A story was told to children by grandmother. (โครงสร้าง 1) เรื่องได้ถูกเล่าให้เด็กๆ ฟังโดยคุณย่า Children were told a story by grandmother. (โครงสร้าง 2) เด็กๆ ถูกเล่าเรื่องให้ฟังโดยคุณย่า 3. A gold ring will be given to me by mother. (โครงสร้าง 1) แหวนทองจะถูกให้แก่ดิฉันโดยคุณแม่ I will be given a gold ring by mother. (โครงสร้าง 2) ดิฉันจะถูกให้แหวนทองโดยคุณแม่ 4. A telegram had been sent to me before I arrived home. (โครงสร้าง 1) โทรเลขได้ถูกส่งถึงผม ก่อนที่ผมจะเดินทางถึงบ้าน I had been sent a telegram before I arrived home.
12. Future perfect continuous tense Active: S + will have + been + Ving Passive: S + will have + been + being + V3 Active: Sarah will have been cooking dinner. Passive: Dinner will have been being cooked by Sarah. ในประโยคนี้ I have warned you. กับ I have been warned. นั้นมีความหมายต่างกันอย่างสิ้นเชิง ถึงแม้โครงสร้างมันจะดูเกือบเหมือนกัน ประโยคแรกเป็นโครงสร้าง active voice ของ present perfect tense แปลว่า "ฉันเตือนคุณแล้ว" แต่ประโยคที่สองเป็นโครงสร้าง passive voice ของ present perfect tense เช่นเดียวกัน แปลว่า "ฉันถูกเตือน" ซึ่งถ้าเราแยกโครงสร้างระหว่าง active และ passive voice ไม่ออกจะทำให้เราแปลความหมายผิดเพี้ยนไปได้
ประโยค Passive Voice เป็นประโยคที่ขึ้นต้นด้วยกรรม หรือ object โดยเราเอากรรมมาทำหน้าที่เป็นประธานในประโยคแทน หรือเราเรียกประโยคแบบนี้ได้อีกอย่างว่า เป็นรูปถูกกระทำ เราจะใช้ Passive Voice เมื่อเราต้องการบอกว่าสิ่งใด โดนกระทำโดยใคร เช่น แทนที่เราจะพูดว่า A can ran over my dog on the street yesterday. เราจะเปลี่ยนเป็น My dog was run over by a car on the street yesterday. (by a car) สามารถละได้นะครับ ไม่ต้องมีในประโยคก็ไม่เป็นไร ประโยคตัวอย่างจะเน้นว่า สุนัขของฉันโดนรถวิ่งทับเมื่อวาน โครงสร้างประโยคของ Passive voice คือ be + v3 ตารางต่อไปนี้จะแสดงให้ดูนะว่า 12 tense เปลี่ยนเป็น passive voice แล้วจะมีรูปแบบเป็นยังไง
เฉลย I washed my dishes. แปลว่า ฉันล้างจานด้วยตัวเอง แต่ถ้านักเรียนล้างจานแค่ใบเดียวก็สามารถ ใช้ ประโยค นี้ได้ค่ะ เป็น I washed my dish. ครูพี่แอนขอเสริมให้นิดนึงนะคะ เพราะว่าอาจจะมีนักเรียนสงสัยว่า คำว่า dish กับ คำว่า plate ต่างกันอย่างไร? ถ้าหากว่านักเรียนต้องการจะสื่อว่านี่เป็นจานที่นักเรียนสามารถจับต้องได้เลย เราสามารถใช้ คำว่า dish หรือ plate ก็ได้ค่ะ dish คำนี้ก็สามารถหมายถึง อาหารที่วางอยู่บนจาน ได้เช่นเดียวกัน ยกตัวอย่างประโยค เช่น ถ้าครูพี่แอนถามว่า How's your dish? ประโยค นี้จะหมายถึงว่า อาหารของคุณเป็นอย่างไรบ้าง? อย่าเข้าใจผิดนะคะนักเรียน หรือ This menu is my favourite dish. แปลว่า อาหารชนิดนี้เป็นเมนูโปรดของฉัน.
ถ้าในประโยค Active Voice มีเฉพาะคำกริยาแท้ ไม่มีคำกริยาช่วย เมื่อเขียนเป็นประโยค Passive Voice ส่วนที่เป็นกริยาจะประกอบด้วย Verb to be + คำกริยาช่องที่ 3 เป็นหลัก โดยส่วนที่เป็น Verb to be นั้น จะเปลี่ยนรูปไปตามคำกริยาแท้ในประโยค Active Voice เช่น Active Voice: Jenny ate rice. => Passive Voice: Rice was eaten by Jenny. (Verb to be ใช้ was เพราะคำกริยาใน Active Voice เป็นช่องที่ 2 = ate และประธานของประโยค Passive Voice เป็นนามนับไม่ได้ = Rice) Active Voice: Mark does homework everyday. => Passive Voice: Homework is done by Mark everyday. (Verb to be ใช้ is เพราะคำกริยาใน Active Voice เป็นช่องที่ 1 = does และประธานของประโยค Passive Voice เป็นนามนับไม่ได้ = Homework) Active Voice: She is making a doll. => Passive Voice: A doll is being made by her. (Verb to be ใช้ is being เพราะคำกริยาใน Active Voice เป็นรูปปัจจุบันกำลังกระทำ = is making และประธานของประโยค Passive Voice เป็นเอกพจน์บุรุษที่ 3 = A doll) Active Voice: He was making dolls. => Passive Voice: Dolls were being made by him. (Verb to be ใช้ were being เพราะคำกริยาใน Active Voice เป็นรูปอดีตกำลังกระทำ = was making และประธานของประโยค Passive Voice เป็นพหูพจน์บุรุษที่ 3 = Dolls) หลักทั่วไปในการเปลี่ยนประโยค Active Voice ให้เป็นประโยค Passive Voice 1.