ไอ. เอฟ.
3 วิธีกำหนดราคาเพื่อให้ได้ผลตอยแทนตามเป้าหมาย (Target Pricing) เป็นการกำหนดราคาเพื่อให้ได้ผลตอบแทนจากการลงทุน (Return on Investment: ROI) โดยต้องการกำไรเป็นร้อยล่ะเท่าใดของเงินลงทุน (Target Profit) เข้าไปในต้นทุนของสินค้าหรือเงินลงทุน โดยใช้สมการดังนี้ ราคา = ต้นทุนต่อหน่วย + อัตราผลตอบแทนที่ต้องการ * เงินลงทุน จำนวนสินค้าที่ขาย 2. การกำหนดราคาจากอุปสงค์ (Demand Based Pricing) เป็นการกำหนดราคาโดยคำนึงปริมาณความต้องการซื้อสินค้าชนิดใดชนิดหนึ่งของลูกค้าที่มีการเปลี่ยนแปลง หรือเรียกว่า ความยืดหยุ่นของอุปสงค์ต่อราคา (Price Elasticity of Demand) ดังตัวอย่างรูปภ่าพ แผนภูมิแสดง ความยืดหยุ่นของอุปสงค์ต่อราคา
ราคาทองต่างประเทศ (Gold spot) 2. อัตราค่า Premium ( ค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่เกิดขึ้นในการนำเข้า/ส่งออกทองคำ) 3. ค่าเงินบาทต่อดอลลาร์สหรัฐ 4. Demand และ Supply ของทองคำภายในประเทศ ที่นี้เรามาดูกันว่าตัวแปรแต่ละตัวใน 4 ตัวแปรนี้ มีความสำคัญและมีรายละเอียดที่ลึกลงไปสำหรับที่จะใช้นำมาเป็นปัจจัยในการพิจารณาการขึ้นของของ ราคาทองคำ ในบ้านเรากัน 1.
ศ.
ตั้งราคาแบบมีส่วนลด การตั้งราคาแบบมีส่วนลด ก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่จะกระตุ้นความอยากซื้อของกลุ่มลูกค้ามากขึ้น ซึ่งมีหลักการตั้งดังนี้ ลดราคาอาหารจาก 89 เหลือ 79 บาท ซื้ออาหาร 1 จาน 89 บาทถูกลงทันทีเมื่อซื้ออาหาร 2 จานในราคา 170 บาท อย่างไรก็ตามการจะตั้งราคาด้วยวิธีนี้ จะต้องลองคำนวณดูก่อนด้วยว่าสามารถลดได้เท่าไหร่จึงจะไม่ทำให้ขาดทุน และอาจจัดโปรลดราคาเป็นเฉพาะช่วงๆ เท่านั้น 3.
ในการกำหนดราคาสินค้านั้น มีสิ่งที่กิจการจะต้องพิจารณาเพื่อใช้ประกอบการตัดสินใจ เช่น กำไร จากการขาย การยอมรับของผู้ซื้อ การเปรียบเทียบกับราคาของคู่แข่งขัน เป็นต้น ซึ่งต้งคำนึงถุงอนาคตหากกิจการต้องลงราคาสินค้าลงอีก ก็สามารถกระทำได้โดยไม่ขาดทุน 1. การกำหนดราคาจากต้นทุน (Cost Based Pricing) เป็นวิธีการกำหนดราคาที่ง่ายและสะดวกที่สุด โดยใช้ต้นทุนต่อหน่วยมาเป็นพื้นฐาน ซึ่งมีวิธีการกำหนดรารา ดังนี้ 1. 1 วิธีการกำหนดราคาแบบ Cost-Plus การกำหนดราคาวิธีนี้มาใช้ในกรณีที่กิจการไม่สามารถคาดการณ์ต้นทุนของผลิตภัณฑ์ล่วงหน้าได้ หรือต้นทุนของผลิตภัณฑ์ไม่แน่นอน กิจการจึงต้องกำหนดกำไรที่แน่นอนขึ้นมาก่อน และเมื่อทราบต้นทุนต่อหน่วยแล้วจึงนำต้นทุนนั้นไปบวกกับกำไรที่ต้องการ ราคาขาย = กำไรต่อหนาวยที่ต้องการ + ต้นทุนต่อหน่วย 1. 2 วิธีกำหนดราคาแบบ Mark up เป็นการบวกส่วนเพิ่มโดยใช้สมการ ดังนี้ Price = Cost + Mark up หรือ ราคา = ทุน + ส่วนเพิ่ม วิธีการคำนวณ Mark up มีดังนี้ 1) Mark up on Cost หรือ Mark on คือ การกำหนดเป็นร้อยละจากราคาทุน 2) Mark up on Selling Price หรือ Mark up คือ การกำหนดเป็นร้อยละจากราคาขายวิธีนี้ใช้มากในธุรกิจค้าปลีกและค้าส่ง โดยมีพื้นฐานการคำนวณมาจากต้นทุนเช่นเดียวกัน 1.