ค่าไฟฟ้าฐาน อัตรา 3. 76 บาทต่อหน่วย ซึ่งสะท้อนต้นทุนการก่อสร้างโรงไฟฟ้า ระบบสายส่ง ระบบจำหน่าย และค่าการผลิตพลังงานไฟฟ้า ภายใต้สมมุติฐานความต้องการใช้ไฟฟ้า ราคาเชื้อเพลิง อัตราแลกเปลี่ยน และอัตราเงินเฟ้อ ระดับหนึ่ง มีส่วนประกอบตามประเภทผู้ใช้ไฟฟ้า อาทิ บ้านที่อยู่อาศัย กิจการขนาดเล็ก กิจการขนาดใหญ่ องค์กรไม่แสวงหากำไร 2. ค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ (เอฟที) คำนวณจากค่าใช้จ่ายด้านเชื้อเพลิง ค่าซื้อไฟฟ้าของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ. ) และค่าใช้จ่ายตามนโยบายภาครัฐที่เปลี่ยนแปลงไปจากระดับที่กำหนดไว้ในค่าไฟฟ้าฐาน ค่าเอฟทีจะมีการปรับปรุงทุก 4 เดือน ปัจจุบันแบ่งเป็น 3 รอบ รอบแรกเดือนมกราคม-เมษายน รอบสองเดือนพฤษภาคม-สิงหาคม และรอบสามเดือนกันยายน-ธันวาคม ปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อค่าเอฟทีรอบใหม่ แน่นอนมาจากผลกระทบสงครามรัสเซียและยูเครน จนเกิดวิกฤตราคาพลังงานโลก ประกอบกับสถานการณ์ก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทยลดลงในช่วงปลายสัมปทาน ที่ยังไม่มีความแน่นอนในกำลังการผลิต อย่างไรก็ตาม เอฟที 23. 38 สตางค์ต่อหน่วย ไม่ใช่ตัวเลขแรกที่คำนวณออกมา เพราะจริงๆ แล้วจากต้นทุนทั้งหมด กกพ. ประมาณการค่าเอฟทีรอบใหม่สูงขึ้นถึง 129.
เศรษฐกิจ 17 มี. ค. 2565 เวลา 15:17 น. 4. 1k สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน หรือ กกพ. เคาะปรับขึ้นค่าเอฟทีประจำงวด พ. - ส. 2565 ให้เรียกเก็บที่ 24. 77 สตางค์ต่อหน่วย รับภาวะวิกฤติราคาพลังงานโลกที่พุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ ส่งผลให้อัตราค่าไฟฟ้าเป็น 4 บาทต่อหน่วย เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน หรือ กกพ. ระบุ กกพ. มีมติให้ปรับค่าไฟฟ้าผันแปร หรือ ค่าเอฟที สำหรับการเรียกเก็บค่าไฟฟ้าในรอบเดือนเดือนพฤษภาคม - สิงหาคม 2565 โดยให้เรียกเก็บที่ 24. 77 สตางค์ต่อหน่วย ส่งผลให้อัตราค่าไฟฟ้าเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 23. 38 สตางค์ต่อหน่วย เป็น 4 บาทต่อหน่วย หรือเพิ่มขึ้น 5. 82% จากงวดปัจจุบัน ปัจจัยหลักที่ส่งผลกระทบต่อค่าเอฟทีมาจากผลกระทบสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ซึ่งส่งผลต่อวิกฤตราคาพลังงานโลกเพิ่มสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ ทำให้ กกพ. ต้องปรับสมมุติฐานการประมาณการ ค่าเอฟทีใหม่ให้สะท้อนราคาเชื้อเพลิงในสถานการณ์ปัจจุบัน ซึ่งเป็นปัจจัยลบเพิ่มเติมจากสถานการณ์ที่ก๊าซธรรมชาติ หรือ LNG ในอ่าวไทยลดลงในช่วงปลายสัมปทาน ทั้งนี้ ประมาณการค่าใช้จ่ายด้านเชื้อเพลิงที่สูงขึ้นส่งผลให้ประมาณการค่าเอฟที ในช่วงเดือนพฤษภาคม ถึงเดือนสิงหาคม 2565 เพิ่มสูงขึ้นเป็น 129.
ต้องปรับสมมติฐานประมาณการค่าเอฟทีใหม่ให้สะท้อนต้นทุนจริง และเมื่อรวมกับวงเงินที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ. ) แบกรับไว้ 3. 89 หมื่นล้านบาทจะทำให้ค่าเอฟทีขึ้นสูงถึง 1. 29 บาทต่อหน่วย จึงให้ กฟผ. แบกรับไว้ก่อนแล้วค่อยทยอยจ่ายคืนทำให้ค่าเอฟทีงวด พ. -ส. 65 เหลือปรับขึ้นเป็น 129. 91 สตางค์ต่อหน่วย หากบริหารบนหลักการขึ้นแบบขั้นบันไดก็จะต้องขึ้นค่าเอฟทีงวดละ 47. 3 สตางค์ต่อหน่วย "กกพ. ได้เร่งบริหารจัดการต้นทุนภาพรวมให้ต่ำสุดเพื่อช่วยลดภาระค่าเอฟที เช่นการรับซื้อไฟฟ้าพลังน้ำจากสปป. ลาว รับซื้อไฟฟ้าพลังงานทดแทนเพิ่มเติมจากกลุ่มโรงไฟฟ้าที่มีความพร้อมจ่ายไฟฟ้า การปรับลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลและน้ำมันเตาเพื่อทำให้ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่ใช้ผลิตไฟฟ้าอยู่ในราคาที่เหมาะสม และมาตรการการบริหารการเดินเครื่องโรงไฟฟ้าที่ใช้น้ำมันดีเซลและน้ำมันเตาร่วมกับมาตรการการนำ "Energy Pool Price" มาใช้เพื่อเฉลี่ยต้นทุนเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้าให้เกิดความเป็นธรรมสามารถทำให้ค่าเอฟทีลดลงมาได้อีก 13. 1 สตางค์ต่อหน่วย เป็นผลให้ปรับขึ้นค่าเอฟทีในงวดนี้ขึ้นเพียง 23. 38 สตางค์ต่อหน่วย" นายคมกฤชกล่าว อย่างไรก็ตาม จากการบริหารขึ้นแบบขั้นบันไดในงวดถัดไปคือ ก.
1 บาทต่อเหรียญสหรัฐ ราคาน้ำมันตลาดโลก คาดการณ์เฉลี่ยลดลงมาเป็นประมาณ 70 ดอลลาร์ต่อบาเรล และให้มีการบริหารจัดการผลิตไฟฟ้าโดยใช้น้ำมันทดแทน Spot LNG ซึ่งมีราคาสูงเพื่อลดผลกระทบต่อราคาไฟฟ้าในภาพรวมด้วยแล้ว ยังคงทำให้ค่าเอฟทีต้องปรับเพิ่มขึ้นเป็น 7. 18 สตางค์ หรือเพิ่มขึ้น 22. 50 สตางค์ ซึ่งมีผลกระทบต่อผู้ใช้ไฟฟ้าในระยะสั้นเป็นอย่างมาก ทั้งนี้ กกพ. จึงได้พิจารณาแนวทางในการลดผลกระทบต่อประชาชนโดยเฉลี่ยค่าใช้จ่ายตลอดทั้งปีโดยทยอยปรับเพิ่มค่าเอฟทีแบบขั้นบันได โดยในงวดเดือน ม. - เม. 2565 จะเพิ่มขึ้น 16. 71 สตางค์ จากปัจจุบัน -15. 32 สตางค์ในงวดก่อนหน้ามาอยู่ที่ 1. 39 สตางค์ต่อหน่วย และทยอยปรับปรุงตามค่าจริงในรอบต่อๆ ไป โดยกกพ. จะติดตามสถานการณ์ราคาน้ำมัน และก๊าซธรรมชาติซึ่งเป็นเชื้อเพลิงหลักในการผลิตไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง และหวังว่าสถานการณ์อัตราแลกเปลี่ยน และราคาเชื้อเพลิงยังมีโอกาสปรับตัวลดลงได้บ้าง หลังจากผ่านพ้นฤดูหนาวซึ่งมีปริมาณความต้องการการใช้ก๊าซธรรมชาติสูง และกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมันจะสามารถบริหารจัดการความสมดุลของอุปสงค์ และอุปทานน้ำมันในตลาดให้ดีขึ้นได้ "กกพ. จะดำเนินการรับฟังความคิดเห็นค่าเอฟทีสำหรับการเรียกเก็บในรอบเดือนมกราคม – เมษายน 2565 ทาง เว็บไซต์สำนักงาน กกพ.
เมื่อวันที่ 17 มี. ค. 65 นายคมกฤช ตันตระวาณิชย์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน ในฐานะโฆษกกรรมการกำกับกิจการพลังงาน หรือ กกพ. กล่าวว่า จากการประชุม กกพ. เมื่อวันที่ 16 มี. 65 ที่ผ่านมา ได้มีมติให้ปรับเพิ่มค่าไฟฟ้าผันแปร หรือ ค่าเอฟที สำหรับการเรียกเก็บค่าไฟฟ้าในรอบเดือน พ. -ส. 65 โดยให้เรียกเก็บที่ 24. 77 สตางค์ต่อหน่วย ส่งผลให้อัตราค่าไฟฟ้าเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 23. 38 สตางค์ต่อหน่วย เป็น 4. 00 บาทต่อหน่วย โดยปัจจัยหลักที่ส่งผลกระทบต่อค่าเอฟทีมาจากผลกระทบสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ซึ่งส่งผลต่อวิกฤติราคาพลังงานโลกเพิ่มสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ ทำให้ กกพ. ต้องปรับสมมุติฐานการประมาณการค่าเอฟทีใหม่ให้สะท้อนราคาเชื้อเพลิงในสถานการณ์ปัจจุบัน ซึ่งเป็นปัจจัยลบเพิ่มเติมจากสถานการณ์ที่ก๊าซธรรมชาติ (LNG) ในอ่าวไทยลดลงในช่วงปลายสัมปทาน ทั้งนี้ ประมาณการค่าใช้จ่ายด้านเชื้อเพลิงที่สูงขึ้นส่งผลให้ประมาณการค่าเอฟทีในช่วงเดือน พ. ถึงเดือน ส. 65 เพิ่มสูงขึ้นเป็น 129. 91 สตางค์ต่อหน่วย และหากพิจารณาภายใต้หลักการการปรับขึ้นแบบขั้นบันได อาจทำให้ต้องขึ้นค่าเอฟทีงวดละ 47. 3 สตางค์ต่อหน่วย อย่างไรก็ตาม ด้วยมาตรการการบริหารจัดการต้นทุนเชื้อเพลิงให้ต่ำที่สุด ได้แก่ การรับซื้อไฟฟ้าพลังน้ำจาก สปป.
'ค่าไฟ' ลามทุ่ง จะอยู่รอดได้อย่างไร ร้องโอดโอยไปตามกัน หลังกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ. ) ประกาศปรับ เพิ่มค่าไฟฟ้าผันแปร (ค่าเอฟที) สำหรับการเรียกเก็บค่าไฟฟ้าในรอบเดือนพฤษภาคม-สิงหาคม 2565 อัตรา 24. 77 สตางค์ต่อหน่วย เมื่อรวมกับค่าไฟฐาน 3. 76 บาทต่อหน่วย ทำให้ยอดบิลเดือนพฤษภาคมเป็นต้นไป ประชาชนต้องจ่ายจริง 4. 00 บาทต่อหน่วย สูงสุดเป็นประวัติการณ์ สัญญาณค่าไฟที่เพิ่มขึ้น หากยังจำกันได้ กกพ. แจ้งมาตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมาว่า ปี 2565 พุ่งแน่ แต่ยังอยู่ในระดับที่ไม่รุนแรงนัก จึงใช้วิธีขึ้นค่าไฟแบบขั้นบันไดในช่วง 3 รอบของปีนี้ โดยรอบแรกเดือนมกราคม-เมษายน 2565 เรียกเก็บค่าเอฟทีที่ 1. 39 สตางค์ต่อหน่วย ส่งผลให้อัตราค่าไฟฟ้าเฉลี่ยอยู่ที่ 3. 78 บาทต่อหน่วย ที่เหลือจะทยอยขึ้นใน 2 รอบที่เหลือของปี (เดือนพฤษภาคม-สิงหาคม 2565 และกันยายน-ธันวาคม 2565) แต่ผลกระทบจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน ผลักดันราคาน้ำมันดิบตลาดโลกพุ่งทะลุ 130 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ยังส่งผลต่อราคาก๊าซธรรมเหลว (แอลเอ็นจี) จากไม่ถึง 10 เหรียญต่อล้านบีทียู กลายเป็น 70-90 เหรียญต่อล้านบีทียู แอลเอ็นจีถือเป็นเชื้อเพลิงสำคัญในการผลิตไฟฟ้าของไทย จึงส่งผลต่อต้นทุนผลิตไฟฟ้ากลายเป็นค่าไฟงวดใหม่ที่แพงสุดเป็นประวัติการณ์นั่นเอง มาทำความเข้าใจโครงสร้างค่าไฟกันก่อน ปัจจุบันแบ่งเป็น 2 ส่วนหลัก ได้แก่ 1.
พ่อผมชื้อบ้านหลังนี้ให้ผมผ่อนต่อ ผมเลยมาอยู่เพราะใกล้ที่ทำงาน โครงการนี้มีการเก็บค่าไฟ หน่วยละ 6 บาท ผมรู้สึกว่ามันแพงไปเพราะ อันนี้เป็นบ้านที่เราชื้อไม่ใช้หอพักทำไมแพงจัง เคยไปขอติดมิดเตอร์เอง แต่ทางนั้นไม่ยอม มีคนบอกให้ไปร้อง สคบ. เหมือนแบบเดียวกับพวกหอพัก แต่ผมกลัวว่าเขาจะไม่ให้ใช้ไฟต่อ เลยอยากถามเพื่อนว่า ค่าไฟหน่วยละ 6 นี้ถือว่าแพงไหม แล้วถ้าไปร้องนี้เขามีสิทธิ์ยกเลิกไฟบ้านเราได้ไหมครับ แสดงความคิดเห็น
65 ยังคงใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงหลัก ร้อยละ 55. 11 ของเชื้อเพลิงที่ใช้ในการผลิตไฟฟ้าทั้งหมด นอกจากนี้เป็นการซื้อไฟฟ้าจากต่างประเทศ (ลาวและมาเลเซีย) รวมร้อยละ 19. 46 และ ลิกไนต์ของ กฟผ. ร้อยละ 8. 32 เชื้อเพลิงถ่านหินนำเข้าโรงไฟฟ้าเอกชน ร้อยละ 8. 08 พลังน้ำของ กฟผ. ร้อยละ 2. 58 น้ำมันเตา (กฟผ. และ IPP) ร้อยละ 0. 01% น้ำมันดีเซล (กฟผ. 19% และอื่นๆ อีกร้อยละ 6. 25 3. ราคาเชื้อเพลิงเฉลี่ยที่ใช้ในการคำนวณค่าเอฟทีเดือน พ. 2565 เปลี่ยนแปลงจากการประมาณการในเดือน ม. 2565 โดยราคาเชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติซึ่งเป็นเชื้อเพลิงหลักในการผลิตไฟฟ้า และราคาถ่านหินนำเข้าเฉลี่ยปรับตัวสูงขึ้นมากจากประมาณในรอบเดือน ม. 2565 โดยที่เชื้อเพลิงอื่นๆ มีการปรับตัวขึ้นเล็กน้อยและคงที่ 4. อัตราแลกเปลี่ยนเฉลี่ยที่ใช้ในการประมาณการ (1-31 ม. 65) เท่ากับ 33. 20 บาทต่อเหรียญสหรัฐ อ่อนค่าเล็กน้อยจากประมาณการในงวดเดือน ม. 65 ที่ผ่านมา ที่ประมาณการไว้ที่ 33. 00 บาทต่อเหรียญสหรัฐ นายคมกฤช กล่าวว่า ในช่วงวิกฤติราคาพลังงานขาขึ้น สำนักงาน กกพ. ขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนผู้ใช้ไฟ ร่วมกันประหยัดการใช้พลังงาน ด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ไฟฟ้า 4 ป.
27% ของเชื้อเพลิงที่ใช้ในการผลิตไฟฟ้าทั้งหมด นอกจากนี้เป็นการซื้อไฟฟ้าจากต่างประเทศ (ลาวและมาเลเซีย) รวม 13. 92% และค่าเชื้อเพลิงถ่านหินนำเข้าโรงไฟฟ้าเอกชน 7. 68% ลิกไนต์ของ กฟผ. 7. 55% และอื่นๆ อีก 6. 92% 3. ราคาเชื้อเพลิงเฉลี่ยที่ใช้ในการคำนวณค่าเอฟทีเดือน ม. 2565 เปลี่ยนแปลงจากการประมาณการในเดือน ก. 2564 โดยราคาเชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติซึ่งเป็นเชื้อเพลิงหลักในการผลิตไฟฟ้า และราคาถ่านหินนำเข้าเฉลี่ยปรับตัวสูงขึ้นมากจากประมาณในรอบเดือน ก. 2564 โดยที่เชื้อเพลิงอื่นๆ มีการปรับตัวขึ้นเล็กน้อยและคงที่ 4. อัตราแลกเปลี่ยนเฉลี่ยที่ใช้ในการประมาณการ (1 – 30 กันยายน 2564) เท่ากับ 33. 0 บาทต่อเหรียญสหรัฐ อ่อนค่าจากประมาณการในงวดเดือนกันยายน – ธันวาคม 2564 ที่ผ่านมา ที่ประมาณการไว้ที่ 31. 3 บาทต่อเหรียญสหรัฐ นายคมกฤช กล่าวว่า กกพ. ได้พิจารณานำ เงินบริหารจัดการค่า Ft และเงินเรียกคืนฐานะการเงินจากการไฟฟ้าที่มีอยู่ทั้งหมดมาลดผลกระทบของการปรับค่าเอฟทีครั้งนี้กว่า 5, 129 ล้านบาท และนำเงินผลประโยชน์ของบัญชีเงินที่จ่ายค่าก๊าซธรรมชาติล่วงหน้าตามปริมาณก๊าซตามสัญญาไปก่อน (Take or Pay) ของแหล่งก๊าซธรรมชาติเมียนมา จำนวนเงิน 13, 511 ล้านบาท รวมเป็นเงินเพื่อบรรเทาผลกระทบการปรับขึ้นค่า Ft ทั้งหมด 18, 640 ล้านบาท และพิจารณาค่าแนวโน้มปี 2565 ซึ่งคาดการณ์ว่าอัตราแลกเปลี่ยนเฉลี่ยจะอยู่ในระดับ 32.
เผยแพร่: 17 มี. ค. 2565 10:47 ปรับปรุง: 17 มี. 2565 10:47 โดย: ผู้จัดการออนไลน์ " กกพ. " สุดอั้นเคาะปรับขึ้นค่าเอฟทีงวดใหม่ (พ. - ส. ) 23. 38 สตางค์ต่อหน่วยทำให้ค่าไฟฟ้าเฉลี่ยที่ต้องจ่ายเป็น 4 บาทต่อหน่วยเป็นครั้งแรก จากราคาก๊าซฯ พุ่งหลังวิกฤตรัสเซีย-ยูเครน กางแผนบริหารจัดการแบบสุดๆ เกลี่ยขยับแบบขั้นบันได หากยึดตามต้นทุนจริงต้องขยับสูงถึง 129. 91 สตางค์ต่อหน่วย นายคมกฤช ตันตระวาณิชย์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ. ) ในฐานะโฆษกคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ. ) เ ปิดเผยว่า จากการประชุม กกพ. เมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2565 ได้มีมติให้ปรับเพิ่มค่าไฟฟ้าผันแปร (ค่าเอฟที) สำหรับการเรียกเก็บค่าไฟฟ้าในรอบเดือนพฤษภาคม-สิงหาคม 2565 โดยให้เรียกเก็บที่ 24. 77 สตางค์ต่อหน่วย ส่งผลให้อัตราค่าเอฟทีเพิ่มขึ้น 23. 38 สตางค์ต่อหน่วย และเมื่อรวมค่าไฟฐานส่งผลให้ค่าไฟที่เรียกเก็บอยู่ที่ 4 บาทต่อหน่วยนับเป็นสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ทั้งนี้ ปัจจัยหลักที่ทำให้ค่า Ft ต้องปรับขึ้นมาจากราคาพลังงานเพิ่มสูงขึ้นมากจากวิกฤตความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครนที่เข้ามาซ้ำเติมจากราคาพลังงานก่อนหน้านั้นได้ปรับตัวสูงขึ้นอยู่แล้วจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจหลังโควิด-19 ขณะเดียวกัน ไทยมีปัญหาก๊าซธรรมชาติอ่าวไทยที่ลดลงจากการเปลี่ยนผ่านช่วยปลายสัมปทานส่งผลให้ต้องนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) เพิ่มขึ้นซึ่งมีราคาแพงทำให้ กกพ.