ยานแคสสินี (Cassini-Huygens) ยานอวกาศแคสสินี-ฮอยเกนส์ ถูกปล่อยขึ้นสู่อวกาศในปี ค. 1997 ยานลำนี้ไม่ได้เกิดขึ้นจากองค์การนาซาเพียงอย่างเดียว แต่พวกเขายังได้ทำการร่วมมือกับองค์การอวกาศยุโรปและอิตาลีด้วย เพื่อออกสำรวจดาวเสาร์กับบริวารทั้ง 7 โดยเน้นไปที่การสำรวจบนไททัน ดวงจันทร์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในวงโคจร ซึ่งถือได้ว่าเป็นยานลำแรกที่ได้เข้าใกล้กับดาวเสาร์มากที่สุดนับตั้งแต่มีมาเลยก็ว่าได้ อีกทั้งโครงการนี้ยังอยู่ภายใต้การปฏิบัติภารกิจต่อเนื่องไปจนถึงปี 2017 เลยด้วย 7. ยานเมอร์คิวรี (Mercury Atlas) สิ่งที่ทำให้ยานอวกาศในโครงการเมอร์คิวรีนี้ เป็นที่จดจำนั้นไม่ใช่แค่การปรับขนาดห้องควบคุมในยานให้บรรจุได้แค่ที่นั่งเดียว แต่จุดประสงค์หลักนั้นแตกต่างออกไปด้วย เนื่องจากเป็นโครงการที่สร้างขึ้นมาเพื่อทดสอบความสามารถในการดำเนินชีวิตกับการปฏิบัติงานต่าง ๆ ของคนและสัตว์ในสภาพไร้น้ำหนัก ก่อนที่จะส่งมนุษย์และยานอวกาศขึ้นไปโคจรรอบโลกจริง ๆ พร้อมกับยานเมอร์คิวรี-แอตลาส 6 (MA-6) ซึ่งผู้ที่ประสบความสำเร็จเป็นคนแรกคือ นักบินอวกาศสัญชาติอเมริกัน จอห์น แอช เกลนน์ จูเนีย ที่ออกเดินทางในวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 1962 โดยสามารถโคจรรอบโลกรวมทั้งหมด 3 รอบใช้เวลา 4 ชั่วโมง 55 นาที 8.
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม ขอขอบคุณภาพประกอบจาก ยานอวกาศนับได้ว่าเป็นสิ่งมหัศจรรย์อย่างหนึ่งที่ถูกสรรค์สร้างขึ้นโดยเทคโนโลยี ซึ่งถึงแม้โครงการจะล้มเหลวไปหลายต่อหลายครั้งแต่ในที่สุดก็สามารถประสบความสำเร็จไปเยือนดวงจันทร์ได้เป็นครั้งแรก และจากจุดนี้เองที่เป็นแรงผลักดันให้เกิดอีกหลายโครงการต่าง ๆ ตามมา ทั้งแบบควบคุมโดยนักบินอวกาศ และควบคุมผ่านระบบสัญญาณจากพื้นโลก เพื่อไขปริศนาและความลับต่าง ๆ ที่มาที่ไปของจักรวาลแห่งนี้ ในวันนี้กระปุกดอทคอมจึงรวบรวม 10 ยานอวกาศที่สร้างประวัติศาสตร์ใหม่ให้กับวงการดาราศาสตร์ และยังคงเป็นที่กล่าวขานมาจนถึงปัจจุบันมาฝากกันเริ่มจาก... 1. ยานอพอลโล่ (Apollo 11) ยานอวกาศที่สร้างความตกตะลึงและกลายเป็นที่ฮือฮาไปทั่วโลก หลังจากสามารถจอดลงบนดวงจันทร์ได้สำเร็จเป็นครั้งแรก เมื่อปี ค. ศ. 1969 ภายใต้การนำของนีล อาร์มสตรอง และลูกเรืออีก 2 คน ประกอบไปด้วย เอ็ดวิน บัซ อัลดริน และไมเคิล คอลลินส์ หลังจากที่ผ่านการทดสอบโคจรรอบโลกมาแล้วหลายต่อหลายครั้ง เริ่มตั้งแต่ยานอพอลโล่ 1 ในปี ค. 1967 จนกระทั่งถึงอพอลโล่ 17 ในปี ค. 1972 และนั่นเป็นครั้งสุดท้ายที่ยานอวกาศได้จอดลงบนพื้นผิวดวงจันทร์ ส่วนต่อจากนั้นต้องยกเลิกภารกิจไปด้วยสาเหตุหลายประการ จนกระทั่งโครงการถูกปิดตัวไปในที่สุด 2.
สเปซเอ็กซ์ (SpaceX) มีแผนจะทดสอบบินต้นแบบยานสตาร์ชิปจากหมู่บ้านโบคาชิกาไปสู่อวกาศแล้วกลับมาลงจอดในมหาสมุทรนอกฝั่งฮาวายโดยใช้จรวดซูเปอร์เฮฟวี Booster 4 เป็นบูสเตอร์ที่จะบินกลับมาลงจอดในอ่าวเม็กซิโก ซึ่งกำลังรอสำนักงานบริหารการบินแห่งชาติสหรัฐฯ (FAA) พิจารณาด้านสิ่งแวดล้อมของสถานที่ปล่อยยานมานานหลายเดือนแล้ว และล่าสุด FAA ได้ประกาศเลื่อนเป้าหมายว่าจะพิจารณาแล้วเสร็จใน 29 เม. ย. สตาร์ชิปเป็นยานแบบนำกลับมาใช้ใหม่ที่มีขนาดใหญ่ อาจจะมีผลกระทบด้านสิ่งล้อมรอบพื้นที่ปล่อยยานและเป็นอันตรายต่อความปลอดภัยของประชาชน ซึ่งตอนแรกกำหนดว่าจะพิจารณาแล้วเสร็จใน 21 ธ. ค. แล้วบินทดสอบใน ม. แต่ต่อมาได้เลื่อนไปเป็น 28 ก. พ. จากนั้นก็เลื่อนอีกกครั้งเป็น 28 มี. 21 มี. อีลอน มัสก์ ซีอีโอของสเปซเอ็กซ์เผยว่าหลังการพิจารณาด้านสิ่งแวดล้อมของ FAA เสร็จภายใน 28 มี. จากนั้นในเดือนหน้าจะสร้างเครื่องยนต์ 39 ตัวและอีกเดือนจะทำการประกอบ ซึ่งหวังว่าจะบินทดสอบได้ในเดือน พ. แต่สุดท้าย FAA ได้เลื่อนเป้าหมายใหม่เป็น 29 เม.
ยานไพโอเนียร์ (Pioneer) โครงการยานอวกาศที่ริเริ่มมาตั้งแต่ปี ค. 1958 จนกระทั่งสร้างปรากฏการณ์ประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับวงการดาราศาสตร์ ด้วย ยานไพโอเนียร์ 10 และ 11 ที่ถูกส่งขึ้นสู่อวกาศในปี ค. 1972 และ ค. 1973 ตามลำดับ ซึ่งยานไพโอเนียร์ 10 นั้นสามารถถ่ายภาพในระยะใกล้ของดาวพฤหัสบดีกลับมาได้อย่างชัดเจน ในขณะที่ยานไพโอเนียร์ 11 มีการส่งไปเก็บภาพของดาวเสาร์ ซึ่งทำให้ค้นพบดวงจันทร์ขนาดเล็กอีก 2 ดวงและวงแหวนวงใหม่ของดาวเสาร์ด้วยในเวลาเดียวกัน 9. ดาวเทียมสปุตนิก (Sputnik) ดาวเทียมดวงแรกของโลกภายใต้การดำเนินงานของรัสเซียที่ถูกส่งขึ้นไปในอวกาศครั้งแรกในปี ค. 1957 โดยเริ่มจากดาวเทียมสปุตนิก 1 ที่สามารถโคจรรอบโลกได้นานถึง 92 วัน แต่ละรอบใช้เวลาประมาณ 96 วินาที ด้วยรูปร่างทรงกลมขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 58 เซนติเมตร น้ำหนัก 84 กิโลกรัม เพื่อทำการทดสอบการรับส่งข้อมูลข่าวสารต่าง ๆ ผ่านชั้นบรรยากาศ และภายในปีเดียวกันรัสเซียก็ได้ส่ง ดาวเทียมสปุตนิก 2 ขึ้นไปพร้อมกับสุนัขอวกาศ ไลก้า ซึ่งสามารถโคจรอยู่เหนือพื้นผิวโลกได้สูงถึง 1, 671 กิโลเมตร และไกลกว่าดาวเทียมสปุตนิก 1 เกือบสองเท่าตัว เป็นเหตุการณ์ที่ทำให้รัสเซียก้าวไกลกว่าผู้นำอย่างอเมริกาไปหลายขุม 10.
2764 เมื่อเทียบกันแล้ว ดาวบริวารถัดไปที่มีความสัมพันธ์กับดาวเคราะห์แม่ขนาดใหญ่ (ดวงจันทร์ไทรทันของดาวเนปจูน) มีอัตราส่วนดังกล่าวอยู่ที่ 0. 0546 ดวงจันทร์ของโลกมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางใหญ่กว่าดาวเคราะห์แคระพลูโตถึง 50 เปอร์เซ็นต์ ดาวอังคาร [ แก้ไข] ภาพถ่ายสีของดวงจันทร์โฟบอส โดยยานอวกาศมาร์สรีคอนเนสเซนซ์ออร์บิเตอร์ เมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2551 ภาพถ่ายสีของดวงจันทร์ดีมอส โดยยานอวกาศมาร์สรีคอนเนสเซนซ์ออร์บิเตอร์ เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2552 มีนาคม 2551 ดาวอังคารมีดาวบริวารขนาดเล็กสองดวง คือ โฟบอส (Phobos) และ ดีมอส (หรือ ไดมอส) (Deimos) ทั้งสองดวงถูกค้นพบโดยอะแซฟ ฮอลล์ (Asaph Hall) นักดาราศาสตร์ชาวอเมริกัน ซึ่งโฟบอสอยู่ใกล้ดาวอังคารและดีมอสอยู่ถัดออกมา ดีมอสถูกค้นพบเมื่อวันที่ 12 สิงหาคม ค. ศ. 1877 (ประมาณ พ. 2420) ซึ่งชื่อดีมอสนั้นตั้งตามชื่อของเทพเจ้าแห่งความหวาดกลัวของกรีก มีหลุมอุกกาบาตน้อยกว่าและขนาดเล็ก ขนาดของดวงจันทร์ทั้งสองนั้นเล็กมาก โดยดีมอสมีเส้นผ่านศูนย์กลาง 16 กิโลเมตรเท่านั้น ในขณะที่โฟบอสมีเส้นผ่านศูนย์กลางอยู่ที่ 26 กิโลเมตร ส่วนโฟบอสถูกค้นพบเมื่อวันที่ 18 สิงหาคม ค.