ที่มา: ชื่อพื้นเมือง: ไทรใบยาว ชื่อวิทยาศาสตร์: - ชื่อวงศ์: ficus barteri L ประโยชน์: ปลุกประดับสวนกลางแจ้ง ลักษณะวิสัย: ไม้ต้น ลักษณะทั่วไป >> ต้น: ไทรเป็นพรรณไม้ยืนต้นขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ลำต้นมีความสูงประมาณ 10-20 เมตร ลำต้นครงแตกกิ่งก้านเป็นพุ่มทึบ บางชนิดก็เป็นพุ่มโปร่ง มีรากอากาศห้อยลงมาตามกิ่งก้านและลำต้น ผิวเปลือกเรียบสีขาวปนเทา ใบ: เป็นใบเดี่ยวแตกออกจากกิ่ง และส่วนยอดของลำต้น ใบออกเป็นคู่สลับกัน ลักษณะใบ ขนาดใบ และสีสรรแตกต่างกันตามพันธุ์ ไม้ยืนต้นขนาดเล็ก สูง 3-5 ม. แตกกิ่งมากเป็นพุ่มใหญ่ ดอก: ออกที่ยอด ดอกใหญ่ 4-5 ซม. กลีบดอกซ้อนกันแน่นสีแดงออกดอกตลอดปี ประโยชน์: ปลูกประดับสวนกลางแจ้ง จัดทำโดย: นางสาวทิพย์วารี ทัศนานุตริยกุลและเด็กหญิงจุฑามาศ หงษ์เอิบ
สื่อเกษตร ครบวงจร อันดับ 1 ที่มีฐานผู้อ่านมากที่สุด นิตยสารในเครือมากที่สุด เราต้องการทำให้วงการเกษตรของไทย พัฒนาแบบก้าวกระโดด และเป็นกลไกหลักในการขับเคลื่อน อุตสาหกรรมเกษตร ของประเทศ อย่างแท้จริง
ที่บอกว่าคนนิยม เพราะกระแสตอนนี้ใครๆ ก็หาซื้อกันมาปลูก ทำให้ราคาแพงขึ้น หายาก การขยายพันธุ์ส่วนใหญ่ต้องเพาะจากเมล็ด หรือต้องรอต้นโต กิ่งแก่เต้มที่ถึงจะเริ่มตอนกิ่งได้ ถ้าคุณมีเพื่อนที่รู้จัก มีต้นนี้ หรือ คุณมีต้นนี้ที่บ้านแล้ว ผมอยากจะบอกว่าใบของต้นไทรใบสักสามารถตัดมาชำได้ ภายใน 1 เดือนน้องสักไทร (อันนี้ชื่อเล่นน้อง ผมตั้งให้เอง) ก็จะงอกรากออกมาให้เชยชม ถ้าได้ใบต้นไทรใบสักมาแล้ว ก็ไปดูขั้นตอนวิธีทำกันเลย 1. เลือกใบที่แก่กลางๆ มีสีน้ำตาล ก้านใบยาว 2. ใช้คัตเตอร์ตัดก้านใบเฉียง 45 องศา 3. ล้างน้ำยางออก 4. นำไปแช่ในภาชนะใส่น้ำที่สะอาด 5. ตั้งไว้ในที่แสงส่องถึง อากาศไม่ร้อน 6. ปล่อยไว้ 3-4 สัปดาห์รากจะเริ่มงอก เราก็จะสามารถนำไปลงดินได้เลยครับ ง่ายๆ เลยใช่ไหมครับ หรือถ้าไม่เข้าใจก็ลองไปชมในคลิปนี้ก็ได้ครับ
ชื่อพื้นเมือง: ไทรย้อยใบทู่ ไทรหิน ชื่อวิทยาศาสตร์: Ficus microcarpa ชื่อวงศ์: Moraceae ชื่อสกุล: Ficus ชื่อสามัญ: Chinese banyan ลักษณะทำไปของไทรย้อยใบทู่: ไม้ต้น สูง 15–25 ม. เรือนยอดแผ่กว้าง มีรากอากาศเรียงเป็นสายยาวตามกิ่ง น้ำยางข้นสีขาวคล้ายน้ำนม ใบเดี่ยว เรียงเวียน แผ่นใบรูปรีแกมรูปไข่กลับ หรือรูปไข่กว้าง กว้าง 3–6 ซม. ยาว 4–10 ซม. ปลายใบติ่งมนถึงแหลม ดอก ช่อดอกมีลักษณะคล้ายผล ไม่มีก้าน มักออกเดี่ยว ๆ หรือออกเป็นคู่ตามซอกใบ ดอกแยกเพศอยู่ร่วมต้น เจริญอยู่ภายในฐานดอกที่ขยายใหญ่เป็นกระเปาะมีรูเปิดที่ปลาย ฐานหน่วยผลมีใบประดับรูปใบหอกแกมรูปไข่ 3 ใบ คล้ายกลีบเลี้ยงรองรับฐานหน่วยผล ติดทน ปลายหน่วยผลมีใบประดับขนาดเล็ก แบน 2–3 ใบ ปิดรูเปิด ดอกย่อยขนาดเล็ก กลีบรวม 3 กลีบ รูปทรงไข่แกมรูปช้อน แยกกันเป็นอิสระ ดอกเพศผู้จำนวนน้อย ไม่มีก้านดอกหรือเป็นก้านสั้น ๆ กระจายปะปนกับดอกเพศเมียและดอกเพศเมียที่ไม่สมบูรณ์เพศ ดอกเพศเมียจำนวนมาก ไม่มีก้านดอก ผลแบบมะเดื่อ ค่อนข้างกลม ป่องตอนปลายคล้ายรูปตุ่มน้ำ กว้างและยาวประมาณ 0. 8–1. 2 ซม. มีเนื้ออวบน้ำ สีเขียวอ่อนมีจุดนูนสีขาว เมื่อสุกเปลี่ยนเป็นสีชมพูอ่อน สีม่วงคล้ำถึงดำ ภายในประกอบด้วยผลย่อยแบบผลเมล็ดเดียวแข็ง ขนาดเล็ก จำนวนมาก ถิ่นกำเนิด: มีถิ่นกำเนิดในแถบทวีปเขตร้อน อาทิ เอเชีย ออสเตรเลีย อเมริกากลาง อเมริกาใต้ และแอฟริกา ส่วนไทรในแถบประเทศเอเชีย พบมากในแถบอินเดีย และประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงประเทศจีนตอนใต้