/ กก. สำหรับสัตว์ LD ในช่องปาก 50 สำหรับหนูคือ 4300 มก.
Chisholm, Hugh, ed. (พ. 2454). "ไซลีน". สารานุกรมบริแทนนิกา (ฉบับที่ 11) สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ คู่มือพกพา NIOSH สำหรับอันตรายจากสารเคมี ( o - ไซลีน) คู่มือพกพา NIOSH สำหรับอันตรายจากสารเคมี ( ม - ไซลีน) คู่มือพกพา NIOSH สำหรับอันตรายจากสารเคมี ( น - ไซลีน) ไซลีน, สรุปความเป็นอันตราย (EPA) (ไอโซเมอร์ผสม) พิษที่หู, Synergist, American Industrial Hygiene Association, พฤศจิกายน, 2018
เอนไซมหลายชนิดทํางานไดดวยตัวของมันเองโดยใชสมบัติของกรดอะมิโน (amino acid) ชนิดตาง ๆ ที่มีในโมเลกุล แตบางชนิดจะตองอาศัยโมเลกุลอื่นชวย ซึ่งจะเรียกโมเลกุลที่ เขาชวยนี้วา โคแฟกเตอร์ ปั จจัยที่มีผลตอการทํางานของเอนไซม 1. อุณหภูมิ เมื่ออุณหภูมิสูงขึ้น การเรงของเอนไซมจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนถึงจุดสูงสุด หนึ่ง (temperature optimum) แลวจะลดลง ซึ่งจําเพาะตามชนิดของเอนไซม สวนใหญอยูในชวง อุณหภูมิ 25–40 C แตที่อุณหภูมิ สูงกวาจุดนี้มากๆ เอนไซมจะเกิดการเสียการเรงทางชีวภาพ 2. คา pH จุดที่ทําใหเอนไซมมีการเรงสูงสุด เรียกวา pH optimum ซึ่งสวนใหญอยู ในชวง pH 6-7. 5 ถา pH สูง หรือต่ําเกินไปจะทําใหเกิดการสูญเสียการเรงทางชีวภาพ 3. ความเขมขนของเอนไซม ที่ความเขมขนของสับสเตรตมากเกินพอ (excess) อัตราเร็วของปฏิกิริยาจะเพิ่มขึ้น เมื่อความเขมขนของเอนไซมเพิ่มขึ้น 4. ความเขมขนของสับสเตรตเมื่อความเขมขนของเอนไซมคงที่ ที่ความเขมขนของ สับสเตรตนอยๆปฏิกิริยาจะเกิดขึ้นดวยอัตราเร็วมากจนกระทั่งถึงความเขมขนของสับสเตรตจุด หนึ่งที่อัตราเร็วของปฏิกิริยาจะคงที่ ความเร็วของปฏิกิริยาที่สูงสุด เรียกวา ความเร็วสูงสุด (Vmax
…….. ในพืชจะมีการลำเลียงน้ำ และ แร่ธาตุจากดินผ่านทางรากไปสู่ลำต้น กิ่ง ก้าน และใบ โดยผ่านท่อเล็กๆ มากมาย เรียกท่อเล็กๆ นี้ว่า ท่อลำเลียงน้ำไซเล็ม (Xylem) น้ำตาลกูลโคสและสารอาหารอื่นๆ จะถูกลำเลียงไปยัง กิ่ง ก้านลำต้นผ่าน ทางท่อลำเลียงอาหาร โฟลเอ็ม (Phloem) ไปยังส่วนที่กำลังเจริญเติบโต สู่ส่วนที่สร้างอาหารไม่ได้ คือรากและหัว ไปสู่ส่วนที่ทำหน้าที่สะสมอาหาร คือรากและเมล็ด โดยอาหารจะแพร่ออกจากรากไปตามท่อ ลำเลียงอาหาร ไปยังเซลล์ต่างๆ โดยตรง การลำเลียงอาหารส่วนใหญ่เกิดขึ้นในตอนกลางคืน ลักษณะการลำเลียงอาหารในท่อลำเลียง อาหารมีดังนี้ ……… 1. อัตราการลำเลียงอาหารเกิดขึ้นได้ช้ากว่าการลำเลียงน้ำและเกลือแร่ในท่อลำเลียงน้ำ ……… 2. ทิศทางการลำเลียงในท่อลำเลียงอาหารเกิดขึ้นได้ทั้งในแนวขึ้นและแนวลง ในเวลาเดียวกัน แต่การลำเลียงในท่อลำเลียงน้ำจะเกิดในแนวขึ้นในทิศเดียว ……… 3. เซลล์ที่ทำหน้าที่ลำเลียงอหารโดยตรงต้องเป็นเซลล์ที่ยังมีชีวิต ส่วนเซลล์ที่ใช้ในการลำเลียงน้ำและแร่ธาตุเป็นเซลล์ที่ไม่มีชีวิตข้อแตกต่าง ของท่อลำเลียงน้ำและท่อลำเลียงอาหารของพืชใบเลี้ยงเดี่ยวและใบเลี้ยงคู่คือ มัด(กลุ่ม)ของท่อลำเลียงของพืชใบเลี้ยงเดี่ยวจะอยู่ไม่เป็นระเบียบ ส่วนพืชใบเลี้ยงคู่จะเป็นระเบียบ รูปแบบการเคลื่อนที่ ……... 1.
ศ. 2393 โดยนักเคมีชาวฝรั่งเศสชื่อออกุสต์คาอูร์ส (พ.
2. 1) เรงการยายหมู คารบอกซิลภายในโมเลกุลของมาลีเอต กลุมที่6 ไลเกส (ligases) หรือซินเทส (synthase) หมายถึง เอนไซมที่ทําหนาที่เรง การรวมตัวกันของโมเลกุล ดวยการสรางพันธะใหม ไดแก พันธะ C-C, C-S, C-O และ C-N ซึ่งจําเปนตองใชพลังงานจาก ATP ตัวอยางไดแก ไพรูเวต คารบอกซิเลส คุณสมบัติของเอนไซมมีดังตอไปนี้ 1. เอนไซมมีความจําเพาะสูงมาก (high specificity) ตอสารตั้งตน (substrate หรือ reactant) ของ ปฏิกิริยาที่มันเขาเรง ทําใหเอนไซมหนึ่งตัวมักจะเรงเพียงปฏิกิริยาเดียว หรือ หลายปฏิกิริยาที่ตอเนื่องกัน ความจําเพาะสูงทําใหมีผลพลอยได (by-product) นอยมากเมื่อ เทียบกับปฏิกิริยาที่ไมใชเอนไซม 2. เอนไซมเกือบทั้งหมดเปนโปรตีน ที่มีขนาดใหญ ตั้งแต 12, 000 ถึง 1 ลานดาลตัน ความสามารถในการเรงปฏิกิริยาขึ้นกับโครงรูปธรรมชาติ (native conformation) ที่ถูกตอง ถา สูญเสียสภาพธรรมชาติ (denature) หรือแยกออกจากกัน (dissociate) เปนหนวยยอย (subunit) ความสามารถดังกลาว จะลดลงหรือหมดไป ดังนั้นโครงสรางปฐมภูมิ (primary structure) โครงสรางทุติยภูมิ (secondary structure) โครงสรางตติยภูมิ (tertiary structure) และโครงสราง จตุรภูมิ (quaternary structure) มีความสําคัญตอการทํางานของเอนไซม 3.
เนื้อเยื่อลำเลียงน้ำและแร่ธาตุ (Xylem) ประกอบด้วยกลุ่มเซลล์ที่ทำหน้าที่หลักในการลำเลียงน้ำคือ 1. เทรคีด (Tracheid) เป็นกลุ่มเซลล์ที่มีรูปร่างยาวปลายค่อนข้างแหลม ที่ผนังเซลล์มีสารพวกลิกนิน ไม่พบในพืชมีดอก เมื่อโตเต็มที่เวลลืจะตาย 2. เวสเซล เมมเบอร์ (Vesel member) ซึ่งเป็นกลุ่มเซลล์ที่มีผนังหนา และมีสารพวกลิกนิน เซลล์มีรูปร่างยาวหรือสั้นปลายเซลล์อาจเฉียงหรือตรงและมีช่องทะลุถึงกัน เมื่อโตเต็มที่เซลล์จะตาย เรียกเวสเซลเมมเบอร์หลายเซลล์มาเลียงต่อกันและมีช่องทะลุถึงกันว่าเวสเซล (Vesel) 3. ไซเล็มพาเรงคิมา (Xylem parenchyma) เป็นเซลล์พาเรงคิมาที่พบในเนื้อเยื่อลำเลียงน้ำและแร่ธาตุ 4. ไซเล็มไฟเบอร์ (Xylem fiber) เป็นเซลล์ไฟเบอร์ที่พบในในเนื้อเยื่อลำเลียงน้ำและแร่ธาตุ ภาพที่ 1 Xylem และPhloem ภาพที่ 2เปรียบเทียบเทรคีด และ เวสเซลเมมเบอร์ ภาพที่ 3 การลำเลียงน้ำแร่ธาตผ่านท่อไซเล็ม ลำเลียงอาหารผ่านทุ่อโฟลเอ็ม ที่มา::
87 ° C (−54. 17 ° F) ( ม - ไซลีน) ถึง 13. 26 ° C (55. 87 ° F) ( น - ไซลีน) - ตามปกติจุดหลอมเหลวของพาราไอโซเมอร์จะสูงกว่ามากเนื่องจากบรรจุในโครงสร้างผลึกได้ง่ายกว่า จุดเดือดของแต่ละไอโซเมอร์อยู่ที่ประมาณ 140 ° C (284 ° F) ความหนาแน่นของไอโซเมอร์แต่ละตัวอยู่ที่ประมาณ 0. 87 g / mL (7. 26 lb / US แกลลอนหรือ 8. 72 lb / imp แกลลอน) จึงมีความหนาแน่นน้อยกว่าน้ำ ไซลีนในอากาศสามารถรับกลิ่นที่ความเข้มข้นต่ำถึง 0. 08 ถึง 3. 7 ppm (ส่วนของไซลีนต่ออากาศหนึ่งล้านส่วน) และสามารถลิ้มรสในน้ำที่ 0. 53 ถึง 1. 8 ppm ไอโซเมอร์ของไซลีน ทั่วไป ชื่อสามัญ ไซลีน o - ไซลีน ม - ไซลีน น - ไซลีน ชื่อระบบ ไดเมทิลเบนซีน 1, 2-Dimethylbenzene 1, 3-Dimethylbenzene 1, 4-Dimethylbenzene ชื่ออื่น ไซลอล o - ไซลอล; ออร์โธไซลีน ม - ไซลอล; เมตาไซลีน น - ไซลอล; พาราไซลีน สูตรโมเลกุล ค 8 ซ 10 รอยยิ้ม Cc1c (C) cccc1 Cc1cc (C) ccc1 Cc1ccc (C) cc1 มวลโมเลกุล 106. 16 ก. / โมล ลักษณะ ของเหลวใสไม่มีสี หมายเลข CAS [1330-20-7] [95-47-6] [108-38-3] [106-42-3] คุณสมบัติ ความหนาแน่นและเฟส 0. 864 g / mL ของเหลว 0. 88 g / mL ของเหลว 0. 86 g / mL ของเหลว 0.